กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปเสียแล้วสำหรับโทรศัพท์มือถือ แต่ถ้าคุณกำลังจะซื้อเครื่องใหม่อยู่ แนะนำให้ซื้อเป็นรุ่นระดับกลางไปจนถึงรุ่นเรือธงดีกว่าไปจัดรุ่นประหยัดมา อาจจะใช้ได้ไม่นาน เดี๋ยวก็ต้องซื้อใหม่อีกล่ะ แม้ว่าราคาอาจจะสูงกว่าหน่อย แบรนด์ดังอย่าง OPPO, VIVO, Xiaomi, Realme, OnePlus, Samsung, Huawei ราคาก็สัก 6,000 - 8,000 บาทขึ้นไป ไปจนถึง 12,000 บาท++ นี่กำลังดี เพราะจะได้สเปคเครื่องที่ถือว่าดี ทำงานเร็ว รองรับแอปที่มีแต่อัปเกรดขึ้นไปเรื่อย ๆ ทำให้สามารถใช้งานได้ไปอีกยาว ๆ หลายปี ฟังคำแนะนำเหล่านี้ก็ดูดี แต่ในชีวิตจริง มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นทุกคน บางคนทำงานเพื่อมีเงินใช้เดือนชนเดือน สิ้นเดือนนี่เงินใช้แทบจะไม่เหลือแล้ว จะเอาที่ไหนมาซื้อสมาร์ทโฟนดี ๆ อย่างเค้าล่ะ นี่ยังไม่นับเหล่านักศึกษาที่ไม่ได้มีฐานะอีกล่ะ ผู้ปกครองส่งเงินมาให้พอใช้เท่านั้น จะเอาเงินก้อนเกือบหมื่นมาจัดโทรศัพท์นี่ลำบากแทน ดังนั้น หนึ่งในหนทางที่่จะได้มือถือดี ๆ สักเครื่องมีใช้งาน ก็คือ การผ่อน นั่นเอง บทความนี้เราจะมาคุยกันเรื่องผ่อนโทรศัพท์นี่แหละว่า มีกี่วิธี กี่ช่องทาง และแต่ละอย่างมีอะไรบ้าง ถ้าเป็นไปได้จะแจกแจงข้อดีข้อเสียให้ด้วย ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมีปัญหาเรื่องมือถือที่อยากได้สักเครื่อง ยากเกินกว่าจะจ่ายเงินก้อนเพื่อซื้อมัน ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นไอเดียให้คุณดำเนินการจนมีโอกาสได้เป็นเจ้าของมันมาใช้ก่อน แล้วค่อย ๆ ผ่อนจ่ายเป็นงวด ๆ รายเดือนต่อไปทีหลัง

1. ผ่อนโทรศัพท์ไม่ใช้บัตรกับ Jaymart
เราจะคุ้นเคยกับแบรนด์เจมาร์ทในฐานะร้านขายโทรศัพท์มือถือที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้ากัน แต่จริง ๆ ร้านนี้เค้าให้คุณผ่อนโทรศัพท์ด้วย และข่าวดีก็คือ แต่ก่อนต้องไปที่สาขา แต่ตอนนี้สามารถยื่นสมัครผ่อนผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้ว คืออัปโหลดเอกสารกันผ่านหน้าเว็บไซต์กันเลย สะดวกดี คุณสมบัติของผู้ที่จะผ่อนได้ก็ค่อยข้างไม่ได้เคี่ยวนัก คิดว่าคนส่วนใหญ่ก็ผ่านเกณฑ์ได้ไม่ยาก โดยคุณต้องเป็นคนสัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 55 ปี มีงานทำ อายุงาน 6 เดือน++ มีเงินเดือน 8,000 บาทขึ้นไป รับเงินเดือนผ่านบัญชีธนาคาร มี Statement บัญชีย้อนหลัง 6 เดือน เวลาสมัครก็แค่เข้าเว็บไซต์เค้า แล้วกรอกแบบฟอร์ม ชื่อนามสกุล ที่อยู่ของเรา ช่วงรายได้ อัปโหลดเอกสาร เบอร์โทรที่สามารถติดต่อได้ อัปโหลดบัตรประชาชนและหลักฐานเอกสารดังกล่าว เมื่อทำเสร็จ หลังจากนั้นทางเจมาร์ทก็จะติดต่อคุณกลับมา โดยถ้าผ่านการอนุมัติ คุณก็เพียงจ่ายเงินดาวน์แค่ 5% ของราคาเครื่อง แค่นี้ก็จะได้โทรศัพท์ไปใช้ก่อนสมใจ แล้วก็ค่อยแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ ต่อเดือนในภายหลัง จะมีโทรศัพท์ให้เลือกผ่อนกันหลากหลาย ระบบแอนดรอยด์ตั้งแต่รุ่นระดับกลางขึ้นไปนี่ก็มีทุกยี่ห้อ OPPO, VIVO, Xiaomi, Realme, OnePlus, Samsung, Huawei รวมไปถึงโทรศัพท์ของค่าย Apple อย่าง iPhone ก็มีให้ผ่อนได้ เงินที่ต้องจ่ายก็อาจจะแค่ประมาณ 1,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น นอกจากนั้น คุณยังสามารถเลือกผ่อนเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง หม้อทอดไร้น้ำมัน เครื่องซักผ้า ตู้เย็น สมาร์ททีวี เป็นต้น อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้เป็นการผ่อนแบบ 0% นะ คือมีการคิดดอกเบี้ยด้วย ดังนั้น เงินที่คุณต้องจ่ายทั้งหมด อาจจะแพงกว่าการซื้อเงินสดอยู่พอสมควร ลักษณะที่เค้าเรียกว่าสินเชื่อผ่อนสินค้า นั่นเอง แต่ถ้าคุณไม่แคร์เรื่องนี้ ก็จัดไปได้เลย

2. ผ่อนโทรศัพท์ไม่ใช้บัตรกับ True Money
นี่เป็นอีกช่องทางที่เป็นโมเดลสินเชื่อผ่อนโทรศัพท์เช่นกัน โดยเป็นของค่าย True ที่แตกยอดธุรกิจจากผู้ให้บริการเครือข่ายเน็ตเวิร์คมือถือมาเป็นดำเนินธุรกิจทางการเงิน ในชื่อ Ascend Group เป็นบริษัทเทคสตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่กำลังเติบโตมาก ๆ แต่เพื่อให้เข้าใจกันง่าย ขอเรียกว่าการผ่อนโทรศัพท์กับทรู เฉย ๆ จะได้ไม่สับสนกัน โดยจะเป็นการผ่อนผ่านแอปทรูมันนี่วอลเล็ท ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต และที่น่าดึงดูดใจก็คือ สามารถแบ่งจ่ายได้นานสูงสุดถึง 36 เดือนเลยทีเดียว คุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครได้ก็มาในแนวขอสินเชื่อบุคคลอย่างเช่น ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่น้อยกว่า 20 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปี เป็นคนที่มีงานทำมีเงินเดือน 8,000 บาทขึ้นไป ที่สำคัญต้องมีบัญชี ทรูมันนี่ วอลเล็ท ด้วย เอกสารที่ต้องเตรียมก็ได้แก่ บัตรประชาชนตัวจริง รูปถ่ายสลิปเงินเดือนหรือ Statement บัญชีธนาคารย้อนหลัง 2 เดือน แต่ข้อด้อยของการผ่อนโทรศัพท์กับทรูก็คือ สมัครทางออนไลน์ไม่ได้ ต้องเอาเอกสารต่าง ๆ ดังกล่าวไปดำเนินการที่สาขาทรูช็อปเท่านั้น ถ้าผ่านการอนุมัติ คุณก็จะได้รับมือถือรุ่นที่อยากได้เอาไปใช้ก่อนได้เลย แล้วค่อยแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ ในภายหลังผ่านแอปทรูมันนี่วอลเล็ท โดยมีการคิดดอกเบี้ยลักษณะเดียวกับที่เราขอสินเชื่อบุคคล ดังนั้น ถ้าคุณลองคำนวณเงินที่คุณต้องจ่ายทั้งหมด ก็จะพบว่า มีจำนวนมากกว่าคุณไปซื้อโทรศัพท์แบบเงินสดตามท้องตลาดอยู่พอสมควรเลย ถ้าคุณโอเคกับเรื่องนี้ ก็ลองไปติดต่อที่สาขาทรูช็อปใกล้บ้านดู

3. ผ่อนโทรศัพท์ไม่ใช้บัตรกับ Thisshop
ทั้งสองช่องทางก่อนหน้าทั้ง Jaymart และ True Money Wallet ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นลักษณะที่เค้าเรียกว่าสินเชื่อผ่อนโทรศัพท์ ขึ้นชื่อว่าสินเชื่อ คนที่จะได้รับการอนุมัติอย่างน้อยการต้องมีรายได้ มีเงินเดือน ตามเกณฑ์ที่กำหนด ไม่งั้นก็อด แต่ถ้าคุณเป็นนักศึกษาระดับวิทยาลัยหรืออุดมศึกษาล่ะ ไม่มีรายได้แน่ ๆ จะทำไงล่ะ คนในวัยนี้ ยังไงก็ต้องมีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง ไม่มีไม่ได้เลย เอาไว้อย่างน้อยก็เอาไว้ติดต่อสื่อสารกับเพื่อน ๆ และอาจารณ์ เอาไว้เข้าอินเตอร์เน็ตหาข้อมูลเพื่อประกอบการเรียน หัวข้อนี้ก็เลย ขอแนะนำแอพผ่อนของ ที่ฮิตมาก ๆ ในหมู่นักศึกษา ที่ไม่จำเป็นต้องมีเงินเดือน ก็ขอวงเงินเพื่อเอาไปผ่อนของที่ต้องการได้ นั่นก็คือ Thisshop นี่เป็นแพลตฟอร์มที่อยู่ในรูปแอปพลิเคชั่นบนมือถือ สมัครง่ายมากเพราะทำผ่านแอปได้เลย มีระบบยืนยันใบหน้าเพื่อระบุตัวตนด้วย ผู้สมัครอาจจะเป็นนักศึกษาก็ได้ (ระดับ ปวส. ขึ้นไป) หรือจะเป็นบุคคลทั่วไป (มีงานทำ, อายุไม่เกิน 35 ปี) ก็ได้ เค้ามีวงเงินให้สูงสุดถึง 100,000 บาท (แต่จะได้เท่าไรก็แล้วแต่การพิจารณาอนุมัติแล้วแต่กรณีไป) มีของให้ผ่อนตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์เดสท็อป แล็ปท็อป ไปจนถึงรองเท้ากีฬายังมีให้แบ่งจ่ายกันเลย
ให้คุณเลือกโทรศัพท์รุ่นที่มีราคาไม่เกินวงเงินที่ได้ มีทุกรุ่นที่ต้องการ OPPO, VIVO, Xiaomi, Realme, OnePlus, Samsung, Huawei รวมไปถึงโทรศัพท์ของค่าย Apple อย่าง iPhone ก็มีตั้งแต่รุ่นเก่า ๆ ไปจนถึงรุ่นล่าสุด มีให้เลือกเหมือนเรากำลังซื้อของในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์สเลย หลังจากนั้นต้องชำระเงินดาวน์ตามที่กำหนด ก็จะได้โทรศัพท์มาใช้ก่อนได้เลย ถ้าเลือกจ่ายเงินดาวน์แพง ๆ ก็ผ่อนจ่ายแต่ละเดือนน้อย แต่ถ้าเลือกจ่ายเงินดาวน์ต่ำ ก็อาจจะต้องผ่อนจ่ายรายเดือนในราคาแพงขึ้น โดยสามารถเลือกจำนวนงวดได้เอง สูงสุด 36 เดือน ยิ่งเลือกผ่อนนานหลายงวด ก็ต้องจ่ายแพงขึ้นด้วย ถ้าโทรศัพท์รุ่นที่เราอยากได้เกินมีราคาสูงเกินกว่าวงเงินที่ได้รับ ก็สามารถยื่นเรื่องขอวงเงินเพิ่มได้ หลักฐานที่ต้องใช้ค่อนข้างมีไม่กี่อย่าง กรณีถ้าเป็นนักศึกษา ก็ได้แก่ บัตรประชาชน+บัตรนักศึกษา กรณีถ้าเป็นบุคคลทั่วไปก็ต้องเตรียม บัตรประชาชน+สลิปเงินเดือนล่าสุด การส่งหลักฐานทั้งหมดทำผ่านแอปพลิเคชั่น Thisshop ได้เลย จึงสะดวกมาก มีระบบการยืนยันตัวตนที่รัดกุม อย่างการให้ถ่ายรูปตัวเองถือบัตรประชาชน เป็นต้น แล้วก็รอผลการอนุมัติได้เลย อย่างไรก็ตาม ถ้ารวมจำนวนเงินทั้งหมดที่เราต้องจ่ายผ่านการผ่อนโทรศัพท์กับ Thisshop จะสูงกว่าราคาของโทรศัพท์ที่ขายเงินสดอยู่ค่อนข้างมาก (คือมีการบวกดอกเบี้ยเข้าไปในค่างวดที่ต้องจ่ายรายเดือนเรียบร้อยแล้ว) นี่ยังไม่รวมถึงต้องมีการวางเงินดาวน์ก่อนจึงจะรับโทรศัพท์เอาไปใช้ได้ ถ้าคุณรับกับเงื่อนไขเหล่านี้ได้ แอปผ่อนของ Thisshop ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้คุณมีสมาร์ทโฟนที่อยากได้ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ (ระดับ ปวส. ขึ้นไป)
สรุป
เพื่อให้ดูง่าย ก็เลยสรุปออกมาเป็นตารางให้ลองดูกัน
สรุปช่องทางผ่อนโทรศัพท์ ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ใช้แค่บัตรประชาชน | |
---|---|
ช่องทาง | รายละเอียด/ข้อดี/ข้อเสีย |
สินเชื่อผ่อนโทรศัพท์ Jaymart | ต้องเป็นคนทำงาน มีเงินเดือน 8,000 บาท++ เท่านั้น |
ใช้บัตรประชาชน+สลิปเงินเดือน+สมุดบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน | |
ต้องจ่ายเงินดาวน์ เริ่มต้น 500 บาท++ หรือ 5% ของราคาโทรศัพท์ | |
สมัครทางออนไลน์ได้ กรอกแบบฟอร์มและอัปโหลดเอกสารผ่านเว็บไซต์ | |
ไม่ใช่ผ่อน 0% มีดอกเบี้ยรวมไว้อยู่แล้ว เงินรวมที่ต้องจ่ายทั้งหมดแพงกว่าโทรศัพท์ที่ขายเงินสดตามท้องตลาด | |
สินเชื่อผ่อนโทรศัพท์ True Money | ต้องเป็นคนทำงาน มีเงินเดือน 8,000 บาท++ เท่านั้น |
ใช้บัตรประชาชน+สลิปเงินเดือนล่าสุด+สมุดบัญชีย้อนหลัง 2 เดือนล่าสุด | |
ไม่ต้องวางเงินดาวน์ สินเชื่อผ่าน รับโทรศัพท์ไปใช้ได้เลย | |
ไม่มีช่องทางออนไลน์ ต้องไปสมัครที่สาขาทรูช็อป | |
ไม่ใช่ผ่อน 0% มีดอกเบี้ยรวมไว้อยู่แล้ว เงินรวมที่ต้องจ่ายทั้งหมดแพงกว่าโทรศัพท์ที่ขายเงินสดตามท้องตลาด | |
แอป Thisshop | เป็นนักศึกษา (ระดับ ปวส.ขึ้นไป) หรือเป็นคนทำงานทั่วไปก็ได้ |
บัตรประชาชน+ บัตรนักศึกษา หรือ สลิปเงินเดือนล่าสุด | |
ต้องจ่ายเงินดาวน์ก่อนขึ้น จึงรับโทรศัพท์ไปใช้ก่อนได้ | |
ทำทุกอย่างผ่านแอปพลิเคชั่น | |
ไม่ใช่ผ่อน 0% มีดอกเบี้ยรวมไว้อยู่แล้ว เงินรวมที่ต้องจ่ายทั้งหมดแพงกว่าโทรศัพท์ที่ขายเงินสดตามท้องตลาด |
รู้หรือไม่!?
แม้ว่าจะมีวิธีผ่อนโทรศัพท์แบบใช้เพียงบัตรประชาชนเท่านั้นอยู่ แต่อยากจะบอกว่าบัตรเครดิตก็ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการผ่อนโทรศัพท์ ดังนั้น ถ้าคุณมีรายได้เพียงพอ แนะนำให้มีบัตรสักใบเป็นของตัวเองจะดีกว่า คุณจะพบว่าทุกอย่างจะง่ายและสะดวกกว่าเดิมเยอะเลย สามารถนำบัตรเหล่านี้ไปใช้ผ่อน 0% ได้ที่ Lazada, Shopee หรือว่าแอพช้อปปิ้งออนไลน์อื่นๆ ก็ได้ ต่อไปนี้คือบัตรเครดิตแนะนำที่ใช้ผ่อนสินค้าได้ ...
เตือนไว้ ... ผ่อนโทรศัพท์ตามโซเชียล อย่าหาทำ! ถูกโกงง่ายมาก!
ถ้าคุณไปค้นดูทั้งใน Facebook และ Twitter ก็จะพบว่ามีเพจหรือว่าบัญชีผู้ใช้จำนวนมากบอกว่าขายโทรศัพท์แบบผ่อนชำระได้ มีคนกดไลค์ กดติดตาม คอมเมนต์ และให้ความสนใจกันจำนวนมาก แต่ขอเตือนเลย เลี่ยงได้เลี่ยง เพราะคุณจะถูกโกงได้ง่ายมาก เช่น ถ้าคุณเลือกที่จะผ่อนโทรศัพท์ Android ที่อยากได้สักเครื่อง คุณอาจจะถูกเรียกให้จ่ายเงินดาวน์ อาจจะสัก 25-35% ของราคาเครื่อง (ที่แพงกว่าท้องตลาดปกติด้วย) เมื่อคุณวางเงินดาวน์ไปแล้ว ถ้าเจอแจ็คพอร์ต ร้านได้เงินไปแล้วก็เงียบ คุณติดต่อไปก็ไม่ตอบ หรือไม่ก็ปิดบัญชีโซเชียลหนี้หายไปเลย บัญชีของร้านที่คุณโอนไปให้ก็อาจจะไม่ใช่ของเจ้าของร้าน เป็นบัญชีธนาคารของคนรับจ้างเปิดบัญชี การตามตัวอาชญากรตัวจริงทีนี้ก็ยากไปอีก คุณอาจจะเอาเรื่องไปแจ้งความกับตำรวจ เป็นคดีความกันไป แต่เพราะนั้นก็ยุ่งยาก ทำให้หลายคนเลือกจะทิ้งเงินค่าโง่หลักไม่กี่พันบาทนี้ไป ไม่ดำเนินการอะไร อาชญากรก็ไปหลอกคนอื่นต่อไปเรื่อย ๆ
ถ้าโชคดี คุณเจอร้านที่ขายโทรศัพท์จริง ๆ ไม่ได้หลอก คุณจะถูกเรียกให้ส่งภาพถ่ายบัตรประชาชน ทั้งของตัวเองและอาจจะต้องส่งภาพบัตรประชาชนของผู้ค้ำด้วย (บางร้านต้องการผู้ค้ำ) พร้อมหลักฐานว่าคุณยอมรับสภาพหนี้ อาจจะเป็นเอกสารให้คุณเซ็นต์ชื่อหรือหลักฐานแชทพูดคุยว่าคุณยินยอมเป็นหนี้ หลังจากนั้นคุณก็ผ่อนชำระไป หลักการก็คือ เค้าจะไม่ส่งโทรศัพท์ให้คุณก่อน แต่คุณจะต้องผ่อนส่งรายเดือนไปจำนวนหนึ่ง (เป็นค่าเงินดาวน์) เมื่อถึงเกณฑ์และร้านมั่นใจแล้วจึงค่อยส่งโทรศัพท์ให้คุณ แต่ปัญหาก็คือ คุณจะพบว่า ทางร้านบวกกำไรเยอะมาก เงินที่คุณต้องผ่อนจ่ายรายเดือนรวม ๆ ทั้งหมดแล้ว แพงกว่าราคาเครื่องโทรศัพท์ที่คุณสามารถหาซื้อด้วยเงินสดตามท้องตลาดมาก ๆ เป็นเท่าตัวเลยก็มี นี่ยังไม่นับกรณีที่คุณค้างค่างวด ไม่ได้ไปจ่ายเค้า อาจจะด้วยภาระที่มากจนจ่ายไม่ไหวเอง หรือมีการบวกดอกเบี้ยเพิ่มซะจนจ่ายไม่หมดสักที คุณก็จะเจอการทวงหนี้แบบนอกกฏหมาย อย่างการประจาน เอารูปหน้าบัตรประชาชนของคุณไปโพสตามเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ประจาน การโทรทวงเงินด้วยคำหยาบคาย การโทรทวงเงินไปตามที่ทำงานเพื่อทำให้คุณอาย การส่งคนไปด้อม ๆ มอง ๆ ที่บ้านเพื่อทำให้เกิดความหวาดกลัว เป็นต้น
ดังนั้น เตือนไว้เลย เลี่ยงได้เลี่ยง ถ้าอยากผ่อนโทรศัพท์จริง ๆ ก็หาช่องทางที่อยู่ในการคุ้มครองของกฏหมายดีกว่า ร้านใต้ดินเหล่านั้น ไม่คุ้มจริง ๆ ที่จะเสี่ยง หรือถ้าจะให้ดี ลองใช้วิธีเก็บเล็กผสมน้อย แบบที่คนรุ่นเก่าเค้าทำกัน สะสมเงินไว้ หยอดกระปุกไว้ อาจจะนานหน่อยแรมปีกว่าจะได้โทรศัพท์เครื่องที่อยากได้ แต่ก็มั่นใจได้ว่าเราจะไม่ต้องเสี่ยงตกเป็นเหยื่อของเหล่าอาชญากรที่เล่นกับความต้องการแบบหน้ามืดตามั่วของเรา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น